จีบยังไงให้ปัง ขายยังไงให้เป๊ะ! ไขความต่างระหว่างการตลาดและการขาย
หลายคนชอบ สับสนระหว่าง "การตลาด" กับ "การขาย" บอกตรง ๆ เลยว่า มันไม่เหมือนกันนะคะ ถึงจะอยู่ในวงการเดียวกันก็จริง แต่บทบาทมันคนละเรื่อง! การตลาดก็เหมือนการจีบ ทำยังไงให้ลูกค้าสนใจ หันมามอง แต่การขายน่ะคือการทำให้ลูกค้าตัดสินใจ เลือกเรา ใช่เรา จ่ายให้เรา! ต่างกันมั้ยล่ะ? วันนี้โค้ชเจินเจินจะพาทุกคนไปเจาะลึก ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ กันค่ะ เข้าใจง่าย ๆ แบบวัยรุ่น อ่านแล้วต้องร้อง “อ๋อ! แบบนี้นี่เอง”
พูดถึงเรื่องนี้ โค้ชเจินเจินขอเล่าเลยว่า เจ้าของธุรกิจหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ คิดว่าการตลาดกับการขายเป็นเรื่องเดียวกัน แต่บอกตรง ๆ ว่า "คนละทางเลยค่ะพี่จ๋า!" ดังนั้นวันนี้ โค้ชจะมาเล่าให้ฟังแบบแซ่บ ๆ เห็นภาพชัด ๆ ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ทำยังไงให้ทั้ง การตลาด และ การขาย เดินไปด้วยกันได้แบบ "ปังสุด เป๊ะสุด!"
พร้อมกันหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้ว มานั่งให้ดี ๆ เพราะเจินเจินกำลังจะพาทุกคนไปไขความลับ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมการแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจนระหว่างพนักงานการตลาดและพนักงานขายจะช่วยให้ธุรกิจของคุณ "ปังแบบหยุดไม่อยู่!"
การตลาดคืออะไร?
การตลาด (Marketing) คือการปูทาง สร้างเวที ทำให้ลูกค้ารู้จักและหลงรักแบรนด์ของเรา เปรียบเสมือนการแนะนำตัวให้โลกได้รู้ว่าเราคือใคร มาจากไหน มีดีอะไร!
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
- การตลาดเหมือนการ "จีบ" ทำให้ลูกค้าตกหลุมรัก จัดแคมเปญให้ลูกค้ากดไลก์ ส่งคอนเทนต์ให้ลูกค้าปลื้ม ยิ่งหยอดมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ใจลูกค้ามากขึ้น
- "การตลาดคือการจีบ การขายคือการขอแต่งงาน" ตอนจีบก็ต้องหยอดจนลูกค้าหวั่นไหว พอตอนขาย ก็เหมือนกับขอแต่งงาน ต้องยิงคำเด็ดๆ ให้ลูกค้าตัดสินใจทันที!
การขายคืออะไร?
การขาย (Sales) คือการปิดดีล! เปรียบเหมือนการที่เราสร้างโอกาสไว้แล้ว จากนั้นก็ต้องจัดการให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล การขายคือขั้นสุดท้ายที่เราต้องทำให้ลูกค้าเอาเงินใส่มือเรา!
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
- การขายก็เหมือน "ขอแต่งงาน" หลังจากที่จีบมาตั้งนาน การขอแต่งงานก็คือการปิดดีลนั่นแหละ พอถึงจุดนี้ต้องมั่นใจ ยิงคำถามให้แม่น แล้วลูกค้าจะยอมตกลงซื้อทันที
- "การขายคือการปิดดีล ขอแต่งงานยังไงให้ใช่!" ขายก็เหมือนขอแต่งงาน ถ้าขายดี ลูกค้าก็ตอบ "Yes!" ถ้าไม่ใช่ ก็คงบอก “เดี๋ยวก่อนนะคะ”
การตลาดคือการปูทาง การขายคือการคว้าโอกาส!
ถ้าจะให้เปรียบเปรยชัดๆ ว่า "การตลาด" กับ "การขาย" ต่างกันยังไง ให้ลองคิดแบบนี้:
-
"การตลาดคือการจุดไฟ การขายคือการเอาถ่านไปย่าง"
การตลาดคืองานสร้างความสนใจ ทำให้ลูกค้ารู้ว่าแบรนด์เรามีดีอะไร พอไฟติด การขายก็คือการเอาถ่านมาย่างให้ร้อน ทำให้ลูกค้าซื้อของเราแบบทันทีทันใด! -
"การตลาดคือการเลี้ยงอาหาร การขายคือการเสิร์ฟจานสุดท้าย"
การตลาดคือการเลี้ยงอาหารทีละจาน ทำให้ลูกค้ารู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่เราเสนอ ส่วนการขายก็คือจานสุดท้ายที่ปิดท้ายให้ลูกค้ารู้สึกว่า "คุ้มค่าที่สุด" จนยอมจ่ายแบบไม่ต้องคิดเยอะ
การตลาดทำงานยังไง?
การตลาดจะทำงานในช่วงที่ลูกค้ายังไม่รู้จักเรา มันคือการสร้างความรู้สึกดีๆ ให้ลูกค้าตกหลุมรักและอยากรู้จักมากขึ้น:
- เราทำโฆษณาบนโซเชียล มีเดีย ให้คนเริ่มสนใจ
- ส่งโปรโมชั่นโดนๆ ให้เขารู้สึกว่า "พลาดไม่ได้"
- ทำคอนเทนต์ปังๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีประโยชน์
การตลาดก็คือการ “ทำให้ลูกค้ารู้จักเราแบบฟรุ้งฟริ้ง”
การขายทำงานยังไง?
พอการตลาดปูทางไว้แล้ว การขายก็คือการทำให้ลูกค้าตัดสินใจทันที:
- ลูกค้าทักมาสอบถาม พนักงานขายก็ตอบชัดๆ ไม่วกวน
- มีโปรโมชั่นให้ตัดสินใจเร็วขึ้น ซื้อแล้วคุ้มแน่ๆ!
- ให้ส่วนลดหรือดีลพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ
การขายก็คือการ “ปิดดีลแบบจบสวย จนลูกค้าเอาเงินจ่ายให้ทันที”
ทำไมพนักงานการตลาดและพนักงานขายต้องแยกกัน?
หลายคนยังคงสงสัยว่า พนักงานการตลาด และ พนักงานขาย มีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างไร บางธุรกิจอาจยังมีความเข้าใจผิด คิดว่าทั้งสองฝ่ายสามารถทำหน้าที่แทนกันได้ แต่ความจริงแล้ว ทั้งการตลาดและการขายมีหน้าที่เฉพาะทางที่แตกต่างกัน และการที่ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล
เพื่อให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจความแตกต่างระหว่างพนักงานสองฝ่ายนี้อย่างชัดเจน เราจึงได้จัดทำ ตารางเปรียบเทียบระหว่างพนักงานการตลาดและพนักงานขาย ขึ้นมา โดยในตารางนี้จะอธิบายถึงหน้าที่หลัก ทักษะที่จำเป็น จุดเด่น จุดอ่อน และตัวชี้วัดของแต่ละฝ่าย คุณจะได้เห็นว่าทั้งการตลาดและการขายมีบทบาทสำคัญแต่อยู่คนละช่วงของกระบวนการสร้างยอดขาย และต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด!
มาดูกันเลยว่าแต่ละฝ่ายทำหน้าที่อะไร และทำไมการแยกบทบาทของพวกเขาจึงจำเป็นต่อการเติบโตของธุรกิจคุณ!
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง พนักงานการตลาด และ พนักงานขาย ที่แสดงถึงหน้าที่หลัก ความสามารถ จุดเด่น จุดอ่อน และตัวชี้วัด เพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจความแตกต่างและบทบาทของทั้งสองฝ่ายได้อย่างชัดเจน:
ตารางเปรียบเทียบระหว่างพนักงานการตลาดและพนักงานขาย
หัวข้อ | พนักงานการตลาด (Marketing) | พนักงานขาย (Sales) |
---|---|---|
บทบาทหลัก | สร้างการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness) และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย | ปิดการขาย สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างรายได้จากการขาย |
ความรู้ความสามารถ | การวางแผนกลยุทธ์, การวิเคราะห์ตลาด, การสร้างแคมเปญโฆษณา, ความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค | การเจรจาต่อรอง, ทักษะการขาย, การสร้างความสัมพันธ์, ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ |
จุดเด่น | สร้างความสนใจในวงกว้าง, สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก, สร้างโอกาสการขาย (leads) | ปิดการขายได้จริง, มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง, สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว |
จุดอ่อน | ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานในการสร้างการรับรู้และผลลัพธ์ไม่ทันที, การตลาดต้องพึ่งพาการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน | ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ leads จากการตลาด, อาจต้องใช้ความพยายามในการปิดการขายกับลูกค้า |
ขอบเขตความรับผิดชอบ | การวางแผนและดำเนินแคมเปญ, การสร้างแบรนด์, การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างโอกาสการขาย (leads generation) | การติดต่อลูกค้า, การนำเสนอผลิตภัณฑ์, การเจรจาปิดการขาย, การบริการลูกค้า, การรักษาความสัมพันธ์ |
ตัวชี้วัด (KPIs) | จำนวนผู้เข้าถึง (Reach), จำนวนโอกาสการขาย (Leads), การรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness), อัตราการเปลี่ยนจากโอกาสเป็นการขาย (Conversion Rate) | ยอดขาย (Sales Revenue), จำนวนลูกค้าใหม่ที่ปิดดีล, อัตราการปิดการขาย (Close Rate), ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) |
เป้าหมายหลัก | สร้างความต้องการในสินค้าและบริการ, ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ, สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท | ปิดการขายให้ได้มากที่สุด, รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายซ้ำในอนาคต |
ลักษณะการทำงาน | ทำงานเบื้องหลังเน้นการวางแผนและกลยุทธ์, ทำงานในระยะยาว | ทำงานเชิงรุกเพื่อเจรจาปิดการขายและสร้างรายได้ทันที, ทำงานในระยะสั้นถึงกลาง |
การทำงานร่วมกัน | ทำงานร่วมกับฝ่ายขายเพื่อสร้างโอกาสในการขายที่มีคุณภาพ และปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลจากฝ่ายขาย | นำข้อมูลจากการตลาดมาใช้ในการเจรจาปิดการขาย, ให้ข้อมูลลูกค้ากลับไปเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด |
-
บทบาทหลัก:
- พนักงานการตลาด เน้นการสร้างความรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์และสร้างความสนใจในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านกิจกรรมและกลยุทธ์การตลาด
- พนักงานขาย มีหน้าที่สำคัญในการเจรจาและปิดการขาย โดยนำโอกาสที่ได้จากการตลาดไปใช้สร้างรายได้
-
ความรู้ความสามารถ:
- พนักงานการตลาด ต้องมีทักษะการวางแผนกลยุทธ์ เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปสู่การสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ
- พนักงานขาย ต้องมีทักษะด้านการเจรจาต่อรอง ความสามารถในการสื่อสารที่ดี และความรู้ผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและปิดการขาย
-
จุดเด่นและจุดอ่อน:
- พนักงานการตลาด มีความสามารถในการสร้างโอกาสและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง แต่ผลลัพธ์มักต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นชัดเจน
- พนักงานขาย สามารถปิดดีลและสร้างรายได้ทันที แต่พวกเขาพึ่งพาการตลาดในการดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพ
-
ขอบเขตความรับผิดชอบ:
- พนักงานการตลาด จะเน้นการทำงานเชิงกลยุทธ์ เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างโอกาสในการขาย
- พนักงานขาย มุ่งเน้นที่การปิดดีล สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และทำให้เกิดการซื้อซ้ำ
-
ตัวชี้วัด (KPIs):
- พนักงานการตลาด วัดผลจากการสร้างการรับรู้ จำนวนผู้เข้าถึง และจำนวนโอกาสในการขายที่ถูกส่งต่อให้ฝ่ายขาย
- พนักงานขาย วัดผลจากยอดขายที่ได้จริง จำนวนลูกค้าที่ปิดการขายสำเร็จ และความพึงพอใจของลูกค้า
สรุปง่ายๆ การตลาด vs การขาย
- การตลาด: ปูพรม ทำให้ลูกค้ารู้จักและสนใจเรา จีบลูกค้าให้ติด และหว่านล้อมให้เขาชอบเราก่อน
- การขาย: จบเกม ปิดดีล ขอแต่งงานให้ไว แล้วคว้าโอกาสให้เงินไหลมาเทมา
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเน้นการตลาดหรือการขายมากกว่ากัน อย่าลืมว่า การตลาดคือการเตรียมตัวให้พร้อม การขายคือการทำให้ลูกค้าซื้อทันที! ทั้งสองอย่างต้องไปด้วยกันถึงจะทำให้ธุรกิจโตไวและปังแบบติดจรวด!
อย่าลืม! การตลาดดี การขายปัง ธุรกิจคุณก็จะโตแบบไม่ต้องรอช้า! ถ้ายังงงๆ ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน ลองเอาวิธีเปรียบเทียบนี้ไปใช้ดู แล้วคุณจะรู้ว่าการตลาดกับการขายมันเป็นทีมเดียวกัน อย่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วทิ้งอีกอันเด็ดขาด!